ธรรมภาษิต ตอน เขียนในป่าช้าจีน
โดยพระชุมพล พลปฺโ .....พ.ศ.๒๕๓๔
- ชีวิตนี้หรือ คือบทละคร ไม่มีตัวเรา ไม่มีของเรา ยินดีทำไม ยินร้ายทำไม ดิน น้ำ ไฟ ลม
- กายนี้ไม่ใช่ของเรา ใจนี้ไม่ใช่ของเรา ไม่มีตัวตน ไม่มีคนสัตว์หญิงชาย
- ไม่มีนิมิต ไม่มีเครื่องหมาย ไม่มีหญิงชาย ไม่มีคนสัตว์ ไม่มีสำเร็จ ไม่มีล้มเหลว ไม่มีความเลว ไม่มีความดี
- ทั้งกายและใจ ไม่ใช่ของเรา ยินดีทำไม ยินร้ายทำไม
- โลกนี้เป็นทุกข์ นิพพานเป็นสุข
- ไม่เที่ยง ไม่แน่ ตาย ตาย ตาย ตาย
- ไม่มีตัวตน และของของตน มีกายเป็นทุกข์ ละกายเป็นสุข
- ถุงขี้ ถุงเยี่ยว เหม็นเปรี้ยว เหม็นบูด
- ไม่มีอะไร ที่เป็นของเรา
- กายนี้เป็นทุกข์อย่างแสนสาหัส ใจนี้เป็นทุกข์อย่างแสนสาหัส
- อดีตคือความฝัน ปัจจุบันคือความจริง อนาคตคือสิ่งไม่แน่นอน
- อดีตคือบทละครที่แสดงผ่านไปแล้วเอาเก็บมาคิดทำไม
- ชีวิตคือนิยาย คนทั้งหลายคือตัวละคร
- ปฏิปทาเพื่อลาภสักการะเป็นอย่างหนึ่ง ปฏิปทาเพื่อนิพพานเป็นอีกอย่างหนึ่ง
- จงเรียกสิ่งที่บังคับบัญชาได้ว่าตัวเราดีกว่า อย่าไปเรียกสิ่งที่บังคับบัญชาไม่ได้ว่าเป็นตัวเราเลย
- การที่เราอยากมีฤทธิ์ เพราะยังติดในโลกธรรมนั่นเอง
- จงอย่ารับทั้งผิดและชอบต่อกายและใจนี้
- สุขเวทนาคือเหยื่อล่อให้เราจมปลักอยู่ในทุกข์อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
- แม้แต่กายนี้เราก็ผิดหวัง จะเอาอะไรในโลกนี้อีก
- กายนี้เป็นธาตุของโลก เราไปขี้ตู่เอามา
- หน้าที่ของเราคือทนทุกข์ ไม่ใช่หนีทุกข์
- คนเรามันผิดพลาดกันได้ อย่าเอาเรื่องความผิดพลาดมากลุ้มอกกลุ้มใจเลย
- จำเป็นนักหรือที่เราจะต้องได้ของดีๆ
- เรื่องราวในโลกนี้ทั้งมวลเป็นนิทานโกหกที่อวิชชามันผูกขึ้น ฉะนั้นจงเพิกถอนสมมุติทั้งมวลเสีย
- เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้ เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไปได้ เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น เรามีกรรมเป็นของตน ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ฉะนั้น จงอย่าถือตัว อวดดี อวดวิเศษ อวดเก่งไปเลย
- เราจงอ่อนน้อมถ่อมตัว สงบเสงี่ยมเจียมตน อดทนต่ออารมณ์ของผู้อื่นไว้ให้มากเถิด
- เราจะไปวาดภาพปรุงแต่งครุ่นคิด วางแผนอนาคตไปทำไม ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่เที่ยงและไม่แน่
- ไม่ว่าจะผูกพันกันมากี่ชาติ ก็ต้องมาตัดกันให้ขาดในชาตินี้
- กายนี้ถ้าเป็นของเรา คงจะไม่ทุกข์อย่างนี้หรอก
- โลกนี้เป็นทุกข์อย่างแสนสาหัส
- ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ ฉะนั้นเราจะหนีทุกข์ไปไหน จงอยู่กับทุกข์นั่นแหละ แต่ถอนความยึดมั่นออกเสีย
- ตัวเรามีดีอะไรหนอ ขี้ก็เหม็น เยี่ยวก็เหม็น ตดก็เหม็น ตัวก็เหม็น เหม็นทั้งนั้นเลย แล้วยังจะถือตัวอวดดีอวดวิเศษไปอีก
- ความคิดที่จะแสวงหาสุข หนีทุกข์ เป็นความคิดของคนไร้ปัญญา
- ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยากำลัง อุปสรรคคือสิ่งที่ต้องข้ามให้พ้น
- อย่าติดในรูปลักษณ์
- จงทิ้งให้หมด อย่าเก็บสิ่งใดไว้เลย
- คนที่จากกันไปแล้วก็คือคนที่ตายไปแล้ว จงลืมคนที่เคยรู้จักในสถานที่ต่างๆเสียให้หมด อย่าไปคิดถึงใครเลย แม้แต่คนเดียว
- คำว่า คน นั้น เป็นคำสมมุติโดยสิ้นเชิง
- ถ้าอยากจะลืมอดีตที่เจ็บช้ำ ต้องเลิกจดจำอดีตที่หวานชื่น
- คนโง่ย่อมเดือดร้อนว่า บุตรของเรา เมียของเรา ก็ตนของตนยังไม่มี แล้วบุตรแต่ที่ไหน เมียแต่ที่ไหน
- ไม่มีอะไรที่เป็นของเรา คำว่าของเราเป็นคำบ้าอย่างสาหัสสากรร
- จงอย่าหวังพึ่งพาอาศัยผู้อื่นอย่างเด็ดขาด ไม่ว่ากรณีใดๆ
- เวลานอนหลับเป็นสุขที่ไหน? สุขที่กาย! ก็กายนี้ไม่ใช่ของเรา!!?
- กายนี้มันจะแข็งแรง พอที่เราจะอาศัยมันสร้างความดีไปได้อีกนานแค่ไหนหนอ ฉะนั้น จงอย่าประมาทวันเวลาที่ล่วงไปเลย จงรีบสร้างความดีให้เต็มกำลังเถิด
- ทำไมเราจะต้องประสบความสำเร็จเท่านั้น แล้วจะเอาความล้มเหลวไปให้ใครล่ะ
- ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ สำเร็จก็ได้ ล้มเหลวก็ได้ ไม่เห็นจะเป็นอะไร
- ไร้อดีต ยุติอนาคต สรรพสิ่งในโลกล้วนอนิจจัง ไม่เที่ยง ไม่แน่
- ใครถือตัวอวดดี คนนั้นไม่ดี
- สังขารธรรมทั้งปวงล้วนแต่เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีตัว ไม่มีตน ไม่มีเรา ไม่มีเขา ฉะนั้น จงอย่าถือตัว ถือตน ถือเรา ถือเขา และก็อันความอวดดี เย่อหยิ่ง ถือดี ในสังขารธรรม อันเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัยโดยที่ไม่มีใครบังคับบัญชาได้นั้น เป็นความโง่เขลาอย่างเหลือเกิน สังขารธรรมที่ว่านี้ คือกายและใจ ที่สมมุติว่าเป็นตัวเรานั่นเอง
- ร่ายกายของคนทุกคนต้อง ตาย เน่าเหม็น หนอนขึ้น น่าเกลียด อัปรีย์ จัญไร ต้องขนไปทิ้ง
- ผู้ที่จะเข้านิพพาน คือผู้ที่จะมาพบกับความทุกข์ทรมานในโลกนี้ มิได้จะมาเพื่อเสวยสุขในโลกนี้
- ชีวิตที่ต้องมีคู่ เป็นชีวิตของคนไร้ปัญญา
- พึงเป็นผู้เดียว เที่ยวไปเหมือนนอแรด ฉะนั้น
- ทำไม เราจะต้องเดือดร้อน เมื่อถูกเค้าดูถูก เหยียดหยาม ถ้าแค่นี้ทนไม่ได้ ก็น่าอายสิ้นดี
- เราทำความดี เพียงเพราะอยากให้คนมาเคารพนับถือหรือยังไง
- ทำไมเราจึงต้องการให้คนมาเคารพ ความประเสริฐของจิตนั้น อยู่ที่มีคนมาเคารพยกย่องหรือยังไง ทำไมจึงไม่คิดเสียบ้าง
- เราเป็นคนยากไร้ทางจิตมากนักละซิ ถึงหิวโหยในการที่จะให้คนอื่นมาเคารพ
- คนเราจะดี จะชั่ว อยู่ที่คนมาเคารพ มาสรรเสริญหรือยังไง
- จงอย่ายินดีเมื่อคนมาเคารพ อย่ายินร้ายเมื่อเค้าไม่เคารพ
- เราจะยอมให้คนทั้งโลกด่าเราได้ ไม่ว่าเราจะผิดหรือไม่ก็ตาม
- หน้าที่ในการทำผิดเป็นของคนอื่น หน้าที่ในการให้อภัยและเมตตาเป็นของเรา
- คนที่รู้จักแต่จะเอาชนะนั้นยังไม่เก่งจริง ถ้าเก่งจริงต้องรู้จักที่จะยอมแพ้อย่างราบคาบด้วย
- จงพยายามเอาชนะจิตตนเอง ดีกว่าที่จะไปเอาชนะผู้อื่น
- จงแพ้ภายนอก แล้วมาเอาชนะภายใน
- จะเอาอะไรกับปากคน ดีแสนดีมันก็ด่า ชั่วแสนชั่วมันก็ชม จงทำใจวางเฉยทั้งคำด่าและคำชม ให้ถือเป็นเพียงลมผ่านหูเท่านั้น
- การทำตัวเป็นผู้รู้นั้นยังไม่เก่งจริง ถ้าจะเก่งจริง ต้องรู้จักที่จะไม่รู้อะไรเลย
- จงอ่อนน้อมถ่อมตัวต่อคนทุกชาติชั้นวรรณะ
- คนทุกชาติชั้นวรรณะสามารถด่าและตะคอกเราได้
- ขอให้ผู้ที่จ้องจะจองล้างจองผลาญ คอยคิดเข่นฆ่าทำร้ายทรมานเรา จงประสบแต่ความเจริญรุ่งเรืองสวัสดี พรอันเป็นมงคลทั้งหลายจงได้แก่ผู้นั้นอย่างไม่มีสิ้นสุด
- ขอให้บุญกุศลที่เราสร้าง จงไปปกปักรักษาคุ้มครองผู้ที่คอยคิดจองล้างจองผลาญเรา ให้เขาผู้นั้นจงมีแต่ความสุขความเจริญ คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนาทุกประการเทอญ
- พูดมากเสียมาก พูดน้อยเสียน้อย ไม่พูดไม่เสีย
- ชนผู้ปฏิพัทธ์ในชนย่อมเดือดร้อน
- โลกนี้ไม่ใช่ของเรา
- เราจะเอาแต่ของที่ควรแก่วาสนาบารมี สิ่งใดที่เกินกว่าวาสนาบารมี จงอย่าไปอยากได้อยากเป็นเลย
- ให้ทุกสิ่งเป็นดังเช่นมันจะไป อย่าเอาใจไปขวางกั้น
- ที่เราเป็นทุกข์อยู่ก็เพราะตัณหา ถ้าไม่มีตัณหา ไม่ทุกข์เลย
- สิ่งทั้งปวงในโลก ได้เป็นไปในทิศทางที่มันควรจะเป็นแล้ว อย่าไปห่วงสิ่งใดเลย
- เราจะให้อภัยในความผิดพลาดของคนและสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง รวมทั้งตัวเราด้วย
- ผู้ที่ได้สมบัติอยู่แล้ว จงได้สมบัติยิ่งๆ ขึ้นไปเทอญ ขอให้เราจงแผ่มุทิตาจิตไปให้ทั่วจักรวาล อย่าได้มีความอิจฉาริษยาผู้ใดเลย
- การเสื่อมลาภก็ดี การที่ถูกเค้าดูถูกเหยียดหยามไม่เคารพนับถือก็ดี การถูกด่าถูกใส่ร้ายก็ดี ความทุกข์ก็ดี ล้วนแต่ทำให้จิตใจเข้มแข็งทั้งนั้น ฉะนั้น ต่อไปไม่ต้องหลบหลีกมันเลย
- การเสื่อมลาภ ก็คือการให้ทานนั่นเอง ฉะนั้น ถ้าเมื่อใดที่เจอการเสื่อมลาภ ก็ชื่อว่าเราได้ทำบุญให้ทานไปหนหนึ่งแล้ว สาธุ ดีใจจังเลย
- อย่ากลัวการสูญเสีย เพราะจะทำให้จิตใจเข้มแข็งขึ้น
- การลงโทษผู้อื่น คือการลงโทษตัวเอง การให้อภัยผู้อื่น คือการให้อภัยตัวเอง การช่วยเหลือผู้อื่น คือการช่วยเหลือตัวเอง การรังเกียจผู้อื่น คือการรังเกียจตัวเอง
- โลกนี้ไม่ใช่ที่อยู่ของเรา เป็นเพียงทางผ่านเท่านั้น ฉะนั้นจงอย่าปล่อยให้ใจไปผูกพันกับสิ่งใดในโลกนี้เลย
- ผู้ขาดสติคือผู้หลับใหล
- เราจงเตรียมเข้าโลงไว้ให้ดีเถิด
- ใหญ่แค่ไหนก็เล็กกว่าโลง
- อย่าเดือดร้อนกับอดีต มันเป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น
- ความตายจักมี ชีวิตนี้จักดับดิ้น
- กายนี้เป็นเพียงทางผ่านเท่านั้น ไม่ช้าก็ต้องละทิ้งไป ฉะนั้น จงอย่าผูกพันมั่นหมายยึดติดกับกายนี้เลย
- เราจะต้องสละสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตออกไป
- เราจะต้องสละความอยากมีฤทธิ์ให้หมด
- จงเลิกอยากดีอยากเด่นเหนือคนอื่นเสียที
- ต้องหย่าขาดจากกายนี้ให้ได้
- ความทุกข์ทรมานคือยากำลังของธรรมะ อย่ากลัวมันเลย
- เราไม่สามารถบังคับบัญชาเวทนาได้ ฉะนั้น จงเห็นแจ้งลงไปว่า ไม่ใช่เราสุข ไม่ใช่เราทุกข์ ไม่ใช่เราอุเบกขา เวทนาไม่ใช่เรา เราไม่ใช่เวทนา
- จิตผ่องใสไม่ใช่เรา จิตเศร้าหมองไม่ใช่เรา จิตที่บรรลุคุณธรรมไม่ใช่เรา จิตที่ไม่บรรลุคุณธรรมไม่ใช่เรา จิตไม่ใช่เรา เราไม่ใช่จิต ให้ถอนความยึดมั่นออกเสีย
- ธรรมะคือของจริงที่เหนือเหตุผล ที่นำเอาเหตุผลมาอธิบายธรรมะก็เพื่อโฆษณาชวนเชื่อให้คนเข้ามาปฏิบัติธรรมะเท่านั้น ตราบใดที่ยังติดในเหตุผลย่อมไม่บรรลุธรรม เพราะธรรมะคือของจริงที่เหนือเหตุผล
- ความสูญเสียคือ กำไรบนเวทีธรรม
- อย่ายินดีในสุข อย่ายินร้ายในทุกข์ อย่ายินดีในความสำเร็จ อย่ายินร้ายในความล้มเหลว อย่ามีความต้องการในสิ่งใด อย่ามีตัณหา
- การที่เราอยากมีฤทธิ์เพราะว่าอยากได้ลาภสักการะนั่นเอง
- ลาภสักการะ เป็นสิ่งทารุณเผ็ดร้อนต่อธรรมอันเกษมจากโยคะ พึงละความมุ่งหมาย มุ่งมั่น ยินดี ในลาภสักการะเสียให้หมด
- ตราบใดที่ยังมีตัวตนอยู่ จะต้องประสบกับความทุกข์ทรมานอย่างไม่สิ้นสุดยุติ
- อย่ามีตัวตนสำหรับอดีต อย่ามีตัวตนสำหรับอนาคต อย่ามีตัวตนสำหรับปัจจุบัน อย่ามีตัวตนสำหรับสิ่งดี อย่ามีตัวตนสำหรับสิ่งชั่ว อย่ามีตัวตนสำหรับสิ่งทั้งปวง
- อย่ามีตัวตนสำหรับการบรรลุอรหันต์
- อย่ามีตัวตนสำหรับการบรรลุนิพพาน
- ไม่มีใครที่เกิดอยู่ตายอยู่ มีแต่ธรรมชาติล้วนๆ ที่เป็นไปตามเหตุปัจจัยเท่านั้น
- ไม่มีใครที่จะบรรลุนิพพาน ไม่มีนิพพานสำหรับใคร
- ไม่มีใครที่จะบรรลุอรหันต์ ไม่มีความเป็นอรหันต์สำหรับใคร
- ไม่มีใครที่จะบรรลุอิทธิวิธี ไม่มีอิทธิวิธีสำหรับใคร
- ความยึดมั่นถือมั่นว่าตนเองเป็นพระอริยบุคคล ก็ยังเป็นอุปาทาน ที่สร้างความเจ็บปวดเดือดร้อนให้แก่จิต
- อย่าไปหลงรัก หลงชัง หลงเกลียด หลงกลัว ต่อธรรมชาติที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
- เบื่อตัวเอง ที่ไม่ใช่ตัวเอง
- ความสุขกับความทุกข์ คือสิ่งเดียวกัน ฉะนั้น จงเลิกรักสุข เกลียดทุกข์เสียที
- ทุกข์อื่นยิ่งกว่ากาม ไม่มี
- โลกนี้เป็นทุกข์อย่างแสนสาหัส อย่าได้เกิดอีก
- ยิ่งอยากได้ความเจริญมากเท่าไร ยิ่งต้องหนีความเสื่อมมากเท่านั้น นั่นแหละคือความบ้าของจิตแหละ
- อย่ามีตัวตนสำหรับเจริญ อย่ามีตัวตนสำหรับเสื่อม
- จิตที่ไร้สติปัญญา คือ จิตที่หลับใหล ย่อมจะกระเพื่อมไปในทางสุขกับทางทุกข์ ความสุขและความทุกข์จะไม่มีอิทธิพลต่อจิตที่เห็นแจ้งเลย เพราะว่าความสุขและความทุกข์ เป็นอาการที่ออกมาจากความหลับใหลแห่งจิต เป็นอาการที่ออกมาจากอวิชชา
- ถ้าไม่สละสิ่งเก่าไปเสีย จะได้สิ่งใหม่มาได้อย่างไร ?!
- ความอยากมีฤทธิ์ อยากมีเดช อยากมีอำนาจ อยากมีวาสนา อยากมีคนสรรเสริญ ยกย่อง บูชา คือความมืดบอดอย่างที่สุด ของผู้ที่บวชเข้ามาในร่มกาสาวพัสตร์
- แม้แต่เรื่องในชาตินี้ เราก็จำเป็นจะต้องลืมไปให้หมด แล้วเรื่องชาติก่อนเราจะรู้ไปทำไม
- แม้แต่เรื่องคนด้วยกันเอง เราก็จะต้องทำเป็นหูหนวก ตาบอด แล้วเรื่องผีสางเทวดา จะไปรู้มันทำไม
- จงรู้เรื่องในกายและใจนี้ก็พอ ว่าไม่น่ายึดมั่นถือมั่น
- เรื่องโลกภายนอกทั้งหลายทั้งปวง สรุปลงในคำว่าทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ ไม่น่าสนใจอะไร
- ผู้ที่บำรุงบำเรอปรนเปรอกายนี้ คือผู้มืดบอด
- ที่เราเป็นโรคประสาทอยู่ก็เพราะความอยากดี อยากเด่นเหนือคนอื่นนั่นเอง
- สุขและทุกข์ คือการกระเพื่อมตัวของอวิชชา
- เหตุการณ์ในโลกทั้งปวงเป็นเรื่องสมมุติทั้งหมด ไม่มีอะไรเป็นเรื่องจริงเลย
- ดินภายนอกเป็นฉันใด ดินภายในก็เป็นฉันนั้น ดินภายในเป็นฉันใด ดินภายนอกก็เป็นฉันนั้น สักแต่ว่าดิน ไม่มีตัวเรา ไม่มีของเรา ไม่มีคนสัตว์ ไม่มีหญิงชาย
- อย่าเห็นว่า กายนี้ต่างจากก้อนดิน ก้อนหิน หรือท่อนไม้ไปเลย ในเมื่อมันเป็นสิ่งเดียวกัน คือ ธาตุดิน
- อย่าเห็นคนว่าต่างจากสัตว์ อย่าเห็นหญิงว่าต่างจากชาย อย่าเห็นตายว่าต่างจากเป็น อย่าเห็นเกิดว่าต่างจากดับ
- ความอยากมีฤทธิ์นั่นแหละ เป็นตัวขวางทางนิพพาน
- การบรรลุธรรมที่แท้จริง ไม่มีตัวผู้บรรลุ
- คนดีกับคนบ้าเหมือนกัน คนดีมันก็ปรุงแต่งอยู่ภายในให้หัวเราะ ร้องไห้ เกลียดคนโน้น รักคนนี้ แต่ว่ามันเก็บเอาไว้แค่ภายใน ไม่ได้แสดงออกมาภายนอก เค้าเลยเรียกว่าคนดี ส่วนคนบ้ามันประสาทไม่สมบูรณ์ เลยเก็บไว้ภายในไม่ได้ เลยนึกจะหัวเราะก็หัวเราะออกมา นึกจะร้องไห้ก็ร้องไห้ออกมา เพราะฉะนั้น คนดีก็คือคนบ้า คนบ้าก็คือคนดี ไม่ต่างกัน
- ความรักเป็นอารมณ์ของคนมีปัญญาทราม
- พึงเพิ่มพูนความสละ
- อดีตไม่ใช่ของเรา อนาคตไม่ใช่ของเรา ปัจจุบันไม่ใช่ของเรา ไม่มีตัวเราในกาลใดๆ
- แค่ต้องยินดียินร้ายกับปัจจุบันก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ยังไปขุดคุ้ยอดีตและวาดภาพอนาคต เอามายินดียินร้ายอีก อย่างนี้ ไม่เป็นบ้าจะทนไหวเหรอ
- เกิดกับตายมีความหมายอย่างเดียวกัน เพียงแต่ชื่อไม่เหมือนกัน
- จงเลิกคิดเสียให้ได้ว่า ต่อไปภายภาคหน้าจะไปไหน จะอยู่ที่ไหน
- จงเลิกกังวลเสียทีว่า จะขาดแคลนปัจจัยสี่หรือไม่
- ข้าพเจ้าจะพยายามละชื่อเสียงและเกียรติยศอย่างไม่อาลัยใยดี
- ไม่มีใครเจริญ ไม่มีใครเสื่อม ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวเราของเรา
- บุญไม่เที่ยง ผู้ทำบุญก็ไม่เที่ยง วิบากของบุญก็ไม่เที่ยง บาปไม่เที่ยง ผู้ทำบาปก็ไม่เที่ยง วิบากของบาปก็ไม่เที่ยง ฉะนั้น จงอย่ายึดมั่นยินดีปรีดา เสียอกเสียใจต่อบุญและบาปเลย
- ไม่มีตัวเรา มีแต่ตาเห็นรูปแล้วดับไป หูได้ยินเสียงแล้วดับไป จมูกได้กลิ่นแล้วดับไป ลิ้นได้รสแล้วดับไป กายถูกต้องโผฏฐัพพะแล้วดับไป ใจรู้ธัมมารมณ์แล้วดับไป
- ตัวเราคือมายาภาพ ที่จับต้องไม่ได้ ไม่มีจริงอยู่ในโลก
- จิตนี้มันตื่นเต้นหวาดกลัวต่อเงาที่จิตออกไปวาดภาพมาหลอกตนเอง เหมือนคนที่วาดเสือแล้วกลับมากลัวเสือที่ตัวเองวาดขึ้นมา
- ทุกสิ่งทุกอย่างทุกปรากฏการณ์ในโลกเป็นเพียงมายาภาพ แต่ผู้มีอวิชชาโมหะ กลับไปหลงเป็นจริงเป็นจัง จึงต้องยินดียินร้าย ตื่นเต้น หวาดกลัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
- ที่เราเป็นทุกข์อยู่ก็เพราะว่า ไม่มีจาคะนั่นเอง ไม่รู้จักสละละทิ้งเลย
- ตัวเราไม่มีอยู่จริง ไม่มีอะไรที่เป็นตัวเรา ตัวเราเป็นกลลวงที่อวิชชามันแสดงขึ้นมา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จะถือเกียรติ ถือศักดิ์ศรีไปทำไม เพื่ออะไร เพื่อใคร คิดดูให้ดี
- ตัวเขาไม่มี ตัวเราไม่มี ทั้งหมดล้วนแต่เป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม รูปธรรม นามธรรม ที่เหตุปัจจัย ปรุงแต่งไปต่างๆ นาๆ
- ละครชีวิตทั้งหมดนี้ เป็นเพียงเงามายาที่อวิชชามันผูกขึ้น ตามสัจจะความจริงแล้ว ไม่มีอะไร นอกจากรูปธรรม นามธรรม ที่เกิดดับ เกิดดับ
- สัจธรรมที่แท้จริงนั้น ไม่มีผู้หญิงผู้ชาย เรื่องราวที่ยังมีผู้หญิงผู้ชายทั้งมวล เป็นเรื่องโกหก
- เธอถูกอวิชชาต้มเสียเปื่อยเลย เพื่อนเอ๋ย
- อดีตคือสิ่งที่ได้ผ่านไปแล้ว ผ่านไปแล้วชนิดที่ว่า ไม่มีทางจะหวนกลับมาได้อีก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งดีหรือสิ่งชั่ว สิ่งที่ดีที่สุดก็ไม่มีทางจะคืนมาได้ สิ่งที่ร้ายที่สุดก็ไม่สามารถจะกลับมาอีก ล้วนแล้วแต่ได้ผ่านไปอย่างไม่มีทางที่จะหวนคืนกลับมาได้อีกเลย
- สภาวะธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่น
- เราจะไปกลัวอะไรกับความทุกข์ใจ ทุกข์แล้วเดี๋ยวก็กลับเป็นสุข สุขแล้วก็กลับเป็นทุกข์ มันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่อย่างนี้แหละ อย่าไปวิตกกังวลกับมันเลย
- เรานี่เปรียบเสมือนคนที่อยู่ดีๆ ก็ไปเอาขี้มาสุมไว้บนหัว กายและจิตไม่ใช่ของเราสักหน่อย จะไปยึดถือมันไว้ทำไม จะไปหวัง จะไปเกณฑ์ ให้กายมันดี ให้จิตมันดี เป็นไปตามปรารถนา จะมีมาแต่ที่ไหน
- ยิ่งยึดเอาไว้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นทุกข์มากเท่านั้น วิธีที่จะให้ปลอดภัย ต้องปล่อยมันไปตามเรื่องตามราวของมัน ยึดไว้ไม่ได้ ถือไว้ไม่ได้
- ความผิดหวังคือกำไรชีวิตของผู้ปฏิบัติธรรม
- ถ้าหากเรามีความยินดีในฤทธิ์ ยินดีในความสามารถพิเศษ ยินดีในการที่จะมีคนมาเคารพยกย่องบูชา ก็ชื่อว่าเรายินดีในโลกนี้ ยินดีกับสมบัติของโลกนี้ และยินดีในการเกิดใหม่
- สมบัติในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม เราจะไม่เอาเลย เราจะไม่เอาสักอย่าง เราจะทิ้งให้หมด
- หน้าที่ของเราคือการทิ้งโลกนี้ การทิ้งสมบัติในโลกนี้ให้หมด
- ทิ้งได้มากเท่าไหร่ ก็เบาสบายมากเท่านั้น ขันธ์ทั้ง ๕ เป็นของหนักเน้อ
- ลาภ ยศ เกียรติ สรรเสริญ อำนาจ วาสนา ในโลกนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เรามุ่งมาดปรารถนาเลย สิ่งที่เราหวังก็คือ ความดับสนิทอย่างไม่มีเชื้อ ความพ้นจากสมบัติทั้งปวงในโลกใบนี้ อย่างชนิดที่ไม่เหลือซากไม่เหลือเศษเลย
- อนาคตทั้งหลายทั้งปวง สรุปลงในคำว่า ไม่เที่ยง ไม่แน่
- อนาคตเป็นมายาภาพที่ไม่แน่นอนว่าจะเป็นไปอย่างไร แล้วเราจะไปรู้มันทำไม จะไปคิดถึงอนาคตมันทำไม
- ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง
- เบาสบาย หายห่วง หายกังวล ต่อสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีแก่นสารสาระใดๆ ให้สำคัญมั่นหมายเลย
- ใครอยากโง่ อยากบ้า ก็แบกเอาไว้ ยึดเอาไว้ให้มากๆ เถอะ
- อดีตคือพยับแดด อนาคตคือเงามายา ปัจจุบันคือแสงฟ้าแลบ
- เราคือแมลงเม่า บินเข้ากองไฟ ราคะ โทสะ โมหะ
- โอ้โฮ แสงไฟ ราคะ โทสะ โมหะ มันช่างสวยสดงดงามจับตา จับใจ แมลงเม่าโง่เหลือเกิน
- เราจะอยู่อย่างเสื่อมลาภ แต่ไม่เสื่อมธรรม
- อย่าหวังอะไร แม้แต่หมูในอวย
- ตัวเรานี้ มีนามว่า จะดับ ฉายา ผู้แพ้สิบทิศ
- เราคือผู้แพ้สิบทิศ แต่จงชนะในทิศที่สิบเอ็ด คือชนะใจตนเอง
- ที่ผิดหวังเพราะไปหวังผิดนั่นเอง
- แก่นสารสาระของชีวิตเรา มีแค่เรื่องกิน เรื่องดื่ม เรื่องขี้ เรื่องเยี่ยว หรือยังไง
- สิ่งที่ยังไม่แตกนั่นแหละกำลังแตก สิ่งที่ยังไม่ดับนั่นแหละกำลังดับ
- คนตายเพราะสมบัติ นกตายเพราะอาหาร ภิกษุตายเพราะลาภสักการะ
- สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตก็ดับไปแล้วในอดีต สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก็ดับในปัจจุบัน สิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตก็จักดับในอนาคตนั่นเอง
- ตราบใดที่ต้องการความเจริญ ตราบนั้นย่อมหนีไม่พ้นความเสื่อม
- ตราบใดที่ต้องการความสุข ตราบนั้นย่อมหนีไม่พ้นความทุกข์
- อากาโส อนันโต รูปธรรมเป็นของคับแคบ อากาศไม่มีสิ้นสุด
- เราไม่มีความปรารถนาในรูปธรรมทั้งหลายทั้งปวง
- ถ้าหากไม่อยากมาเกิดในโลกมนุษย์อีก จะต้องละความยินดีในสมบัติทั้งปวงของโลกมนุษย์ ถ้าหากยังยินดี พอใจ รักใคร่ อาวรณ์ ต่อสมบัติในโลกมนุษย์ แม้แต่อย่างเดียว จะต้องมาเกิดอีกอย่างแน่นอน
- จงอย่าทำตัวเป็นลิงติดตัง
- อย่าไปอยากรู้ อย่าไปอยากเห็น อย่าไปอยากเป็น อย่าไปอยากมี อย่าไปอยากเก่ง อย่าไปอยากวิเศษ อย่าไปอยากบรรลุสิ่งใดเลย แล้ว จะพ้นทุกข์
- เราไม่ใช่ผู้วิเศษ เราคือผู้ธรรมดา
- จงอย่าเป็น เป็ดอยากขัน ลิงอยากไข่ ไก่อยากว่ายน้ำเลย
- จิตนี้มันจะบรรลุธรรมขั้นใดหรือไม่ จะเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ก็ช่างมันเถิด
- โลกมนุษย์กับเรา พอกันทีเถิด
- สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงอย่าเดือดร้อนกับอดีตสัญญาที่ทำมาในกาลก่อนเลย
- ฉันไม่ได้คิดจะอยู่ ฉันไม่ได้คิดจะไป
- ตราบใดที่ยังเห็นเป็นคน สัตว์ หญิง ชาย อยู่ จะต้องเดือดร้อนอย่างไม่รู้จักสิ้นสุดยุติ
- ให้เห็นเป็นแต่เพียงสักว่าธาตุเท่านั้น
- เค้าพูดมาด้วยอวิชชาโมหะ แต่เราจงฟังด้วยความรู้แจ้ง
- มันเรื่องสมมุติทั้งนั้น กลับเห็นเป็นจริงเป็นจังไปได้
- เรารู้สึกผิดหวังต่อกายและใจนี้อย่างเหลือเกิน
- รูปธรรมทั้งหลาย ไม่มีความหมายในตัว การที่ไปยินดียินร้ายในกายเราและกายผู้อื่น ว่าสวย ว่าขี้เหร่นั้น เป็นความไร้ปัญญา
- จะแสวงหาความสุขไปทำไม ในเมื่อมันไม่เที่ยง
- จงเจริญขันติโสรัจจะให้มาก จงอดใจไม่ให้ขัดเคืองกับสิ่งรอบตัว จะช่วยบรรเทาอาการโรคประสาทไปได้
- จิตนี้มันช่างเป็นห่วงกายที่ไม่ใช่ของเรามากมายเสียเหลือเกิน
- สิ่งที่มาทำให้ขัดเคืองนั้น เป็นเครื่องทดสอบจิตอย่างดี ซึ่งถ้าจิตเราดีจริงๆ แล้ว คงไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนไป เพราะความโกรธ ความขัดเคืองเลย
- สมบัติในโลกนี้ เราจะไม่เอาสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ คุณสมบัติ เกียรติ อำนาจ ปัญญา เราจะละทิ้งไปให้หมด อย่างไม่มีอาลัยอาวรณ์เลย
- ตัวเราไม่มี แล้วของเราจะมีมาแต่ไหน ความดีของเราไม่มี ความชั่วของเราไม่มี ความถูกของเราไม่มี ความผิดของเราไม่มี
- ไม่มีใต้ ไม่มีเหนือ ไม่มีออก ไม่มีตก ไม่มีกลาง ไม่มีอีสาน ไม่มีในประเทศ ไม่มีต่างประเทศ ไม่มีที่นี่ ไม่มีที่อื่น
- การเห็นเป็นตัวตน บุคคล เราเขา การเห็นเป็นคนสัตว์ หญิงชาย คือ สมุทัย สาเหตุให้เกิดทุกข์
- เดิมทีเวลาเกิด เราไม่ได้มีอะไรติดตัวมาเลย และต่อไปเวลาตาย ก็จะไม่มีเช่นเดียวกัน สมบัติทั้งหลายทั้งปวงนั้นคือ สิ่งที่ผ่านมาเพื่อจะผ่านไปทั้งสิ้น แล้วจะมาคอยหวงอะไรไว้เล่า
- อดีตคือสิ่งที่เราจะต้องลืม อนาคตคือสิ่งที่เราไม่อยากรู้ ปัจจุบันคือภาพมายาที่ไร้สาระ
- ไม่ว่าจะรู้สึกไปถึงตรงไหน ก็ไม่ใช่ของเราไปถึงตรงนั้น
- ชีวิตนี้ เหมือนกับการแสดงละครที่ไร้สาระ
- ไม่ใช่ดินของเรา แต่เราเป็นของดินต่างหาก
- เราจะอยู่เป็นสุขในโลกที่เป็นทุกข์เดือดร้อนอย่างแสนสาหัสนี้ได้อย่างไร
- แม้แต่กายนี้ ก็เป็นของสมมุติ
- ความผิดพลาดเป็นครู มิใช่ตราบาป
- เราไม่ได้หวังว่า จะประสบความสำเร็จในชีวิต
- จงวางตนอย่างโคเขาขาด หรือเด็กจัณฑาลผู้นุ่งห่มผ้าเก่า จงละพยศ ลดมานะ สละความถือดีเสียให้หมด พร้อมทั้งประพฤติตัวให้อ่อนน้อมถ่อมตน อดทนต่ออารมณ์ผู้อื่นให้ได้
- ความถือตัวอวดดีอวดเก่งอวดความสามารถนั่นเอง เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดทุกข์
- สมบัติของพระอรหันต์ คือความอ่อนน้อมถ่อมตัว
- เราจะยอมพ่ายแพ้ เราจะยอมสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อไม่ต้องกลับมาเกิดในโลกนี้อีก
- จงให้อภัยก่อน แล้วจึงค่อยขอขมา
- ใครอยากเป็นผู้วิเศษ คนนั้นเป็นคนโง่
- ถ้าภูมิใจเมื่อพูดดี จะต้องเป็นทุกข์ใจเมื่อพูดเสีย
- ไม่ว่าจะเป็นผีสาง เปรต หรืออสุรกาย ก็คือรูปนามที่เกิดดับทั้งสิ้น
- ทะเลต้องมีคลื่น ชีวิตต้องมีอุปสรรค การปฏิบัติธรรมต้องมีมาร
- ความผิดหวังช่วยลดมานะ ความสมหวังพอกพูนมานะ
- ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัยของมันซิ จะไปวางแผนมันทำไม จะไปกะเกณฑ์มันทำไม จะไปเจ้ากี้เจ้าการมันทำไม
- นิสัยที่จะเอาอะไรต้องให้ได้อย่างใจนั้น เลิกเสียทีได้ไหม
- เมื่อใดที่คิดว่าตัวเองดี ก็เลวเมื่อนั้นเลย
- เมื่อใดที่คิดว่าคนอื่นเลว เราก็เลวเมื่อนั้นเลย
- ถ้าดีใจเมื่อคนรัก จะเสียใจเมื่อคนเกลียด
- คนมีเงินสองหมื่นล้านเค้ายังไม่พอ แล้วเราจะเอาสักกี่ล้านจึงจะพอ
- โศกนาฏกรรมเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม
- ถึงเวลาจะเสียก็ต้องเสีย ถึงเวลาจะหายก็ต้องหาย
- เราดีใจมากแค่ไหน จะต้องเสียใจมากแค่นั้น
- ขอให้เราจงพ้นไปจากทั้งความดีใจและความเสียใจ
- จงอย่ารับทั้งสิ่งดีและสิ่งชั่ว เอามาเป็นตัวเราของเรา
- ดีใจเพื่อเสียใจ ลิงโลดเพื่อเศร้าสร้อย ตื่นเต้นเพื่อเหงาหงอย สมหวังเพื่อผิดหวัง ยินดีเพื่อยินร้าย เฟื่องฟูเพื่อตกดิ่ง โด่งดังเพื่ออับแสง
- ไม่มีฝรั่ง ไม่มีไทย ไม่มีเจ๊ก ไม่มีแขก ไม่มีลาว ไม่มีเขมร
- เราไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งปวงได้
- จะรู้กำลังใจตน ก็เมื่อผจญมารนั่นเอง
- สัตว์ทั้งปวงเกิดมากับความผิดหวัง ดำรงอยู่ด้วยความผิดหวัง และจะตายไปเพราะความผิดหวัง
- จะเลิกเห็นกายผู้อื่นเป็นคนได้ ต้องเลิกเห็นกายตนเองเป็นคนด้วย
- เราไม่ใช่คน กายนี้ไม่ใช่ของเรา จงถอนความคิดอย่างคนออกเสียให้หมด เพราะเราไม่ใช่คน
- ข้าพเจ้าขอลาความเป็นคนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
- เราเห็นแจ้งตั้งแต่เป็นเด็กอ่อนแล้วว่ากายนี้ไม่ใช่ของเรา
- เราไม่รักใคร และไม่ต้องการให้ใครมารักเรา
- อย่าหวังอะไรจากคน
- คิดถึงใครก็เป็นทุกข์เพราะคนนั้นนั่นแหละ
- ความคิดที่ว่าตัวเรามีอยู่ และใครกระทบกระทั่งไม่ได้นั้น เลิกเสียที
- เวลาเข้าใกล้ผู้หญิง อย่ารู้สึกว่าตัวเป็นชาย เพราะในสัจธรรม ไม่มีชาย ไม่มีหญิง
- ก็ใจของเรายังบังคับบัญชามันไม่ได้ แล้วจะไปบังคับใจคนอื่นได้อย่างไร
- เมื่อใดที่มีความหวัง ความผิดหวังจะตามมาทันที
- สมหวังไปทำไม ในเมื่อต้องผิดหวังภายหลัง
- ความผิดหวังนั่นแหละ แฝงตัวอย่างเงียบเชียบอยู่ในความสมหวัง
- เราจะหวังอะไรล่ะ ยิ่งสมหวังนั่นแหละ จะยิ่งผิดหวังหนักเป็นทวีคูณ
- อย่าหวังอะไร จากสิ่งใดๆ อย่างเด็ดขาด
- จะหนีทุกข์ กลัวทุกข์ไปทำไม ในเมื่อความทุกข์คืออาจารย์สอนธรรมองค์สำคัญ
- ความมักน้อยสันโดษ คือเกราะป้องกันความทุกข์อย่างดี
- ถ้าปราศจากความสละละวางและความสลัดคืนในสิ่งทั้งปวงแล้ว ชีวิตไม่มีทางจะพบความสวัสดีปลอดภัยได้เลย
- ความทุกข์ใจที่เกิดขึ้นก็คือ สัญญาณเตือนว่า ตั้งจิตไว้ผิดนั่นเอง
- จงเลิกคิดปรุงแต่งเสียทีว่า เราจะสำเร็จเวลาใดเมื่อไร
- อนาคตคือสิ่งที่ไม่ควรรู้เป็นอย่างยิ่ง
- ที่เราอยากรู้อนาคต เพราะมากด้วยความโลภ มากด้วยกิเลส มากด้วยตัณหานั่นเอง
- ถ้าเราเมตตาต่อศัตรูไม่ได้ ก็ไม่ชื่อว่าเป็นพุทธบุตร
- ตราบใดที่ใจยังมีความรัก ก็ชื่อว่ามีเชื้อแห่งโรคประสาท เชื้อแห่งความบ้าอยู่อย่างพร้อมมูลทีเดียว
- เรื่องที่ไม่มีเหตุผลที่สุดก็เกิดขึ้นได้ สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ที่สุดก็เป็นไปได้
- จงอย่าทำความรู้สึกว่ามีตัวเราที่เป็นผู้ชายคนหนึ่งขึ้นมาอย่างเด็ดขาด
- ผู้ที่อยากดัง อยากเด่น อยากเจริญรุ่งเรือง มีเกียรติ มียศ คือคนโง่เขลา
- ในลาภนั่นแหละมีความเสื่อมลาภอยู่ด้วย ในยศนั่นแหละมีความเสื่อมยศอยู่ด้วย ในสรรเสริญนั่นแหละมีนินทาอยู่ด้วย ในสุขนั่นแหละมีทุกข์อยู่ด้วย ในความเจริญนั่นแหละมีความเสื่อมอยู่ด้วย
- การยินดี ยินร้าย ดีใจ เสียใจ สมหวัง ผิดหวัง มีอยู่แต่ผู้มีอวิชชาเท่านั้น ส่วนผู้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรมชาติของโลก จะไม่หวั่นไหว ยินดี ยินร้าย ไปกับทุกสิ่งในโลกเลย
- จงฝากจิตไว้กับสติปัฏฐาน อย่าฝากไว้กับใคร
- ถ้าหากเสียใจ น้อยใจ เมื่อถูกเค้าหลอก ถูกเค้าลวง แสดงว่าจิตใจยังต่ำทราม อ่อนแอ อยู่มาก
- จงทำจิตให้มั่นคงอย่างภูผาหิน ที่ไม่หวั่นไหวด้วยแรงลม
- ในความเสื่อมลาภนั่นแหละมีลาภอยู่ด้วย ในความเสื่อมยศนั่นแหละมียศอยู่ด้วย ในนินทานั่นแหละมีสรรเสริญอยู่ด้วย ในทุกข์นั่นแหละมีสุขอยู่ด้วย ในความเสื่อมนั่นแหละมีความเจริญอยู่ด้วย
- ผู้ที่ขวนขวายแสวงหาความสุขทางกายคือผู้ประมาท
- ขอเราจงอย่าได้ประมาท อย่าได้เกียจคร้านในการเจริญสติเลย จะได้สามารถทำให้อารมณ์ทุกอย่าง จบที่จิตเรา ไม่ไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนได้
- ผู้ที่ชอบวาดวิมานในอากาศเป็นคนโง่เขลา
- การที่เราถูกข่มเหงรังแกนั้นดีแล้ว เพราะจะเป็นการฝึกฝนให้คุ้นเคยต่อการที่จะต้องถูกพระยามัจจุราชข่มเหงรังแกในอนาคตอันใกล้นี้
- จงยอมแพ้กิเลสผู้อื่นอย่างหมอบราบคาบแก้ว แต่จงอย่ายอมแพ้กิเลสของตัวเอง
- ผู้ที่วาดภาพปรุงแต่งอนาคตเอามายินดียินร้าย คือคนโง่เขลาเบาปัญญา
- อดีตคือสิ่งที่ดับสูญสิ้นไปโดยไม่เหลือแล้ว จะไปเอามาคิดทำไม
- ตัวเราจริงๆ ไม่มี มีแต่ตรงที่ยึดมั่นเอามาแบกเป็นอุปาทานเท่านั้น
- อย่าคาดเดาปรุงแต่งว่าจะได้อะไรหรือจะเสียอะไร
- อดีตก็ดับไปหมดแล้ว อนาคตก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น จงมีสติอยู่แต่ปัจจุบันเท่านั้นเถิด
- จะหวังอะไร จากสิ่งที่ไม่ให้เราหวัง
- ถ้าจะไปนิพพาน ต้องทิ้งให้หมด ทั้งบุญ ทั้งฤทธิ์ ทั้งเกียรติยศ ชื่อเสียง
- เราจะเป็นคนไร้สมรรถภาพ ไร้ความสามารถ ในกิจการต่างๆ แต่ว่าสามารถละทิ้งโลกนี้ไปได้ หรืออยากจะเป็นผู้มีเกียรติ มีเดช มีฤทธิ์ มีความสามารถ มีคนยกย่อง เคารพ สรรเสริญ บูชา แต่ต้องจมปลักอยู่ในโลกใบนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
- หน้าที่ของเราคือการไม่หวั่นไหวต่ออดีตสัญญา
- ตราบใดที่ยังเห็นเป็นผู้หญิงผู้ชายอยู่ ตราบนั้นจะยังไม่หมดกามฉันทะไปได้
- เราไม่ใช่กายนี้ กายนี้ไม่ใช่เรา
- หน้าที่ของเราคือการเผชิญสิ่งทั้งปวงโดยไม่หวั่นไหว ไม่ใช่หลบหนีสิ่งทั้งปวง
- แค่เห็นเป็นคนสัตว์หญิงชาย ก็เป็นความโง่พออยู่แล้ว ยังไปแยกเป็นสวยเป็นขี้เหร่ เป็นของเราเป็นของเขาอีก นั่นก็คือความบ้านั่นเอง
- เราไปอยู่ในโลกที่ไม่มีผู้หญิงผู้ชายดีกว่า
- เราบวชมาเพื่อแสวงหาดวงจิตที่ไม่หวั่นไหวในเวลาได้และเสีย ไม่ได้บวชมาเพื่อแสวงหาเงินทอง
- เราเกิดมาเพื่อเห็นอุปสรรคในโลก ไม่ใช่เพื่อพบความสะดวกสบายในโลก
- เราจะต้องค้นพบให้ได้ว่าสถานที่ที่น่าอยู่ในโลกนี้ ไม่มีเลย แม้เท่าแมวดิ้นตาย
- คนรวยหรือคนจนอย่าดูกันที่เงิน ให้ดูกันที่ใจ ถ้าใจอิ่มก็รวย ถ้าใจหิวก็จน
- เลิกคิดเสียทีว่าเราอยู่ขั้นไหนและจะไปขั้นไหน
- สำเร็จก็เท่านั้น ล้มเหลวก็เท่านั้น ได้ก็เท่านั้น เสียก็เท่านั้น
- วาสนาบารมีของแต่ละคนมันสร้างมาต่างกัน ฉะนั้นจงอย่าไปอยากได้ในสิ่งที่คนอื่นเค้าได้
- เราจะได้สิ่งต่างๆ ตามแต่วาสนาเท่านั้น ถ้าสิ่งใดไร้วาสนาจะได้ ก็อย่าไปหวังเลย ส่วนสิ่งใดถ้ามีวาสนาจะได้ ถึงเวลาอันสมควรจะได้เอง ไม่ต้องร้องขอ ไม่ต้องรอคอย
- เราหวังที่จะมาครอบครองสมบัติในโลกนี้ จึงพบแต่ความเดือดร้อน ผิดหวัง และคราบน้ำตา
- ความเสื่อมลาภนั่นแล เป็นมิตรแท้ของเรา
- ผู้ที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ จะต้องเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส
- เลิกเห็นว่าตนเองเป็นคนสำคัญเสียที
- ถ้าดีใจที่มีมิตร จะเสียใจเมื่อพบศัตรู
- แพ้ชนะ มันเป็นเรื่องของโลกเขา ส่วนธรรม ไม่มีแพ้ ไม่มีชนะ
- ลาภ ยศ เกียรติ สรรเสริญ อำนาจ วาสนา มีเพื่อกายนี้ ในเมื่อกายนี้ไม่ใช่ของเราแล้ว สิ่งเหล่านี้มีค่าอะไร
- เราเป็นคนธรรมดาที่ไม่ต้องมีอะไรวิเศษเลยไม่ได้หรือไง
- ในเมื่อโลกนี้ ผู้ที่มีมุทิตาจิต พลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีมีน้อย ฉะนั้นเราต้องฝึกตัวเองให้ทนทานต่อการถูกอิจฉาริษยาให้ได้
- เราจะมาเอาสิ่งที่พระพุทธเจ้าทิ้ง หรือสิ่งที่พระองค์แสวงหา
- ที่เราเป็นทุกข์อยู่ เพราะว่า เจ็บแล้วไม่จำ สละไม่จริง ทิ้งไม่ขาด นั่นเอง
- ความต้องการที่อยากให้คนอื่นมีความคิดเห็นเหมือนเรานั้น เป็นความต้องการของคนโง่
- ผู้ที่โด่งดังที่สุด คือผู้ที่ไม่มีใครรู้จัก ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือผู้ที่ไม่มีใครเกรงขาม
- อวิชชามันแต่งตั้งให้เราเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งต้องการและต้องแสวงหาผู้หญิงมาเป็นคู่ ดวงจิตที่โง่เขลาก็เชื่อตามอย่างไม่ลืมหูลืมตา ช่างน่าสังเวชเหลือประมาณ
- จะมัวแบ่งเป็นหญิงเป็นชายทำไมอีก
- ทุกครั้งที่มองเห็นเป็นหญิงเป็นชาย ก็เหมือนย่างกรายเข้าสู่ขุมนรกที่แสนเร่าร้อนเจ็บปวด
- ร่างกายคนประกอบมาจากสิ่งที่เรารังเกียจทั้งสิ้น ยังจะเก็บเอามาใฝ่ฝันอีกหรือ
- ในเมื่อของมันเร่าร้อน จะเอามาจับมาถือ มาแบกมากอดรัดเอาไว้ทำไม ทิ้งมันไปเสียเลย ทิ้งได้ไวเท่าไหร่ยิ่งดี
- ความโง่ความบ้าในอดีต จงถือเอาเป็นบทเรียนที่จะไม่ทำอีก ไม่ใช่เก็บเอามาทุกข์ทนหม่นไหม้
- ทุกคนมันผิดพลาดกันได้
- ไม่มีสิ่งใดผิดเลย นอกจากเรามีความต้องการมากเกินไป
- ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแล้วแต่พอดีทั้งนั้น ยกเว้นแต่ใจเราที่ไม่รู้จักพอดี
- เวลาต้องการก็จะไปเที่ยวแสวงหามาให้ได้ เวลาเบื่อก็จะหนีไปให้ไกลแสนไกล อย่างนี้เป็นลักษณะของคนบ้า
จบธรรมภาษิตตอน เขียนในป่าช้าจีน
บันทึกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ณ ป่าช้าจีนแห่งหนึ่งที่จังหวัดภูเก็ต ความดีและบุญกุศลของธรรมะชุดนี้ ขอถวายบูชาบุพพการีชนของข้าพเจ้าที่ผ่านมาทุกภพทุกชาติ ส่วนข้อบกพร่อง ข้าพเจ้าขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว
ธรรมภาษิตที่ข้าพเจ้าเป็นผู้บันทึกทั้งหมดไม่สงวนลิขสิทธิ์
ด้วยความนับถือ
จาก พระชุมพล พลปฺโ
|