สมเด็จพระพิมพาสำเร็จมรรคผล
สมเด็จพระเจ้าสิริสุทโธทนะจอมชนแห่งกบิลพัสดุ์บุรี ทรงเห็นเป็นโอกาสดีเลิศประเสริฐแล้ว จึงกราบทูลแถลงคุณสมบัติแห่งนางกษัตริย์ศรีสุณิสา แด่สมเด็จพระสัพพัญญูเจ้าว่า "ข้าแต่พระบรมครูแห่งนิกรสัตวโลก อันเจ้าพิมพาศรีสุณิสาแห่งบิดานี้ จำเดิมแต่วิปโยคพลัดพรากจากพระองค์ ตั้งแต่วันที่เสด็จออกเพื่อทรงบรรพชากระทำทุกกรกิริยาแสวงหาวิมุตติธรรม เจ้าจะนั่งนอนเดินยืนอยู่ในที่ใดๆก็ไม่มีอารมณ์เป็นสุข มีแต่ทุกข์เศร้าโศกทุก เพลาเช้าเย็นแลราตรีมิได้ขาด ยามเมื่อเข้าห้องสิริไสยาสน์เห็นเศวตฉัตรอันกางกั้นรัตนบัลลังก์ ก็ตั้งหน้าแต่ร้องร่ำกำสรดโศกถึงพระองค์มิเว้นวาย เมื่อได้สดับข่าวว่าทรงนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ก็ปฏิบัตินุ่งห่มผ้า ย้อมน้ำฝาดบ้าง ทั้งนี้เมื่อแจ้งว่าทรงเว้นจากสุคันธวิเลปนมาลาก็มิได้ลูบไล้กายาด้วยจุณสุคนธ์ มิได้ประดับตนทัดทรงบุปผชาติ เมื่อขัตติยประยูรญาติส่งข่าวสารมาว่า จะรับไปบำรุงเลี้ยงรักษาปฏิบัติ ก็มิได้เล็งแลดูหมู่กษัตริย์ราชวงศ์องค์ใด ตั้งใจจงรักภักดีมีสัตย์ซื่อเสน่หาเฉพาะพระองค์ดำรงหฤทัยสุจริต จะได้คิดแปรปรวนไปแต่ในสิ่งใดอื่นมิได้มีเป็นแท้ แลพิมพาศรีสุณิสาแห่งบิดานี้ เจ้าเป็นหญิงกอบด้วยคุณอดุลประเสริฐเลิศกว่าอเนกนิกรกัญญา ควรที่จักกล่าวพรรณนาอีกมากมายสุดประมาณ เมื่อสมเด็จพระชินสีหเจ้า ได้ทรงเสาวนาการคุณแห่งเจ้าหญิงพิมพาที่พระพุทธบิดาพรรณนามาฉะนี้ จึงทรงมีพระพุทธฎีกาดำรัสว่า ดูกรมหาบพิตรพระราชสมภาร การที่ว่าเจ้าพิมพาราชเทวีมีจิตสนิทเสน่หาสวามิภักดิ์ในตถาคต ซึ่งปรากฏมีในกาลบัดนี้นั้น มิสู้จะอัศจรรย์ ในอดีตกาลเมื่อบังเกิดในกำเนิดแห่งสัตว์เดียรฉาน เจ้าพิมพานี้ก็มีจิตสุจริตเสน่หาในตถาคตมั่นคงบ่มิได้กัมปนาท ประหนึ่งสิเนรุราชบรรพตปรากฏในสกลโลกธาตุ บริจาคชีวิตให้เป็นทานแก่ตถาคตเป็นมหัศจรรย์ " สมเด็จพระบรมศาสดาสัพพัญญูเจ้า ดำรัสดั่งนี้แล้ว ก็ทรงมีพระมหากรุณาเผยพระโอษฐ์โปรดประทานพระสัทธรรมเทศนาจันทกินรีชาดกโดยพิสดาร เพื่อประหารเสียซึ่งโศกาดูรเทวษแห่งพระพิมพาราชเทวี ให้ระงับด้วยสิโตทกวารีคือมธุรธรรมกถา ส่วนว่าสมเด็จพระนางพิมพาราชกัญญาเจ้า เฝ้าทอดทัศนาการพระพักตร์มณฑลแห่งสมเด็จพระทศพลพลางสดับอมฤตรสบทพระธรรมอันวิจิตรไพเราะลึกซึ้งเป็นนิรันดร์ ดุจกระแสสายสินธุ์คงคาที่หลั่งไหลมามิรู้ขาด แล้วพระนางก็ยังประสาทปีติให้บังเกิดในพระกมลสันดาน ด้วยจินตนาการว่าเคยได้สร้างบารมีมากับพระองค์แต่อดีตภพ ก็รำงับเสียซึ่งความโศกให้สงบด้วยปีติปราโมทย์ ในไม่ช้า พระนางก็สามารถยังวิปัสสนาญาณให้บังเกิดขึ้นในขันธสันดานโดยลำดับ จนได้บรรลุพระโสดาปัตติมรรคญาณ ประหารเสียซึ่งกองกิเลสโทษสังโยชน์ทั้ง ๓ คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาสให้อันตรธาน ประดิษฐานอยู่ในพระโสดาปัตติผลญาณ อันเป็นปฏิปัสสัทธิวิมุตติที่ ๑ ในพระพุทธศาสนา สำเร็จ เป็นพระโสดาบันอริยบุคคลแต่เวลานั้น สมเด็จพระสรรเพชญภควันตมุนีนาถ ครั้นทรงทราบอย่างแจ่มชัดว่าเจ้าพิมพาราชเทวีได้ดื่มอมตธรรมสำเร็จเป็นพระอริยบุคคล มีจิตไม่จลาจลหวั่นไหวในคุณแห่งพระศรีรัตนตรัยแล้ว องค์พระประทีปแก้วก็เสด็จพระพุทธลีลา พร้อมกับคู่พระอัครสาวกคืนสู่พระนิโครธาราม เพื่อทรงบำเพ็ญพุทธกิจโปรดพระยูรญาติศากยวงศ์ในกรุงกบิลพัสดุ์ต่อไป ในขณะที่สมเด็จพระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญพุทธกิจ เป็นญาตัตถจริยาโปรดพระญาติอยู่นั้น กาลวันหนึ่ง จึงเจ้าพิมพาราชเทวี ประดับตกแต่งองค์พระราหุลราชกุมาร ให้ทรงเครื่องปิลันธนาการแล้ว ส่งไปสู่สำนักสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า โดยพระเสาวนีย์ว่า "ดูกรพ่อราหุลบวรดนัย หากพ่อต้องการเป็นใหญ่ในกาลภายหน้า พ่อจงเข้าไปหาพระมหาสมณะผู้มีศักดิ์ใหญ่ ทรงไว้ซึ่งพระฉวีวรรณอันรุ่งเรืองและพระสิริรูป งดงามดุจท้าวมหาพรหม ซึ่งแวดล้อมด้วยพระอริยสงฆ์สองหมื่นเป็นบริวาร พระมหาสมณศาสดาจารย์ พระองค์นั้นคือสมเด็จพระปิตุเรศของพ่อ พระองค์ทรงมีพระสุวรรณนิธิเป็นอันมาก ตั้งแต่เสด็จออกจากพระนครไปบรรพชา มารดานี้มิได้ทัศนาการเห็นสุวรรณนิธิขุมทองนั้นอีกเลย พ่อจงรีบไปทูลขอขุมทองอันเป็นของพระราชทรัพย์สำหรับบุญแห่งพระบิดา จงทูลว่าถ้าข้าพระบาทได้ราชาภิเษกเสวยมไหศวริยสมบัติ จะได้เป็นบรมจักรพัตราธิราช ข้าพระบาทมีความต้องการด้วยทรัพย์สำหรับขัตติยตระกูลวงศ์ ธรรมดาว่าสมบัติของพระปิตุรงค์ก็คงเป็นสมบัติของโอรสตามโบราณราชประเพณีสืบมา ขอพระองค์จงทรงพระกรุณาโปรดประทานสุวรรณนิธินั้นด้วยเถิด" ดังนี้ สมเด็จเจ้าฟ้าราหุลราชกุมาร รับพระเสาวณีย์แห่งพระมารดาแล้วก็เข้าไปเฝ้าสมเด็จพระบรมศาสดา ถวายวันทนาการพลางเล็งแลดูองค์พระสัพพัญญูผู้เป็นปิตุรงค์ โดยเหตุที่องค์พระกุมารเคยทรงสร้างพระสาวกบารมีญาณมานาน จนพระอรหัตคุณแก่กล้ารุ่งเรืองอยู่ในขันธสันดาน ดังนั้น จึงทรงมีพระทัยผูกพันบังเกิดความรักในพระบิดา ทรงพระปราโมทย์โสมนัส ตรัสตามประสากุมารว่า สมณฉายานี้ เป็นที่สถาพรสุขสำราญอย่างยิ่ง แล้วก็ตรัสสิ่งอื่นๆและทูลขอสุวรรณนิธิตามที่พระราชชนนีสอนไว้ สมเด็จพระจอมไตรโลกนาถ ทรงอาวัชนาการเห็นแจ้งประจักษ์เหตุทั้งหลายด้วยพระสัพพัญญุตญาณ แล้วจึงทรงมีพระพุทธจินตนาการว่า เจ้าราหุลราชโอรสปรารถนาทายัชทรัพย์อันเป็นของเราตถาคตผู้บิดา กาลบัดนี้ หากว่าตถาคตจะให้สุวรรณนิธิขุมทองก็จะเป็นเหตุให้เจ้าราหุลต้องเวียนว่ายไปในกระแสสังสารวัฏไม่มีวันสิ้นสุดได้ ถ้ากระไรตถาคตควรจักให้ทายัชทรัพย์อันประเสริฐกล่าวคืออริยทรัพย์ในพระศาสนาเถิด จึงจะเกิดประโยชน์โสตถิผลมหาศาล ควรที่ตถาคตจะทำเจ้าราหุลกุมารบวรดนัยนี้ ให้สถิตที่ตำแหน่งใหญ่ได้เป็นเจ้าของโลกุตรทายาท สืบสกุลพระพุทธวงศ์ประเวณี ย่อมจักเป็นการดีประเสริฐกว่าทายาทโลกิยสมบัติ อันเป็นเครื่องติดขัดอยู่ในสังสารวัฏ แล้วจึงตรัสเรียก พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรมา ดำรัสสั่งให้จัดการบรรพชาเจ้าราหุลกุมารนั้นให้สำเร็จเพศเป็นสามเณร ทรงศีลสิกขาเสียแต่เวลานั้น กาลต่อมาก็ปรากฏว่า พระราหุลพุทธปิโยรสนี้ ท่านได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ที่ทรงคุณวิเศษสำคัญรูปหนึ่งในพระบวรพุทธศาสนา หลังจากทรงบำเพ็ญพุทธกิจ โปรดพระยูรญาติกรุงกบิลพัสดุ์ให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน อันเป็นธรรมวิ เศษตามสมควรแก่วาสนาบารมีแล้ว สมเด็จพระประทีปแก้วก็เสด็จจาริกไปยังคามนิคมชนบทราชธานีน้อยใหญ่ เพื่อแสดงพระสัทธรรมเทศนาโปรดเวไนยสัตว์ ประกาศพระพุทธศาสนาให้สถิตสถาพรในมนุษยโลกนี้ จนมาถึงสาวัตถีมหานคร สถิตอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร พร้อมกับพระอริยสงฆ์องค์บริวารทั้งหลาย ฝ่ายข้างกรุงกบิลพัสดุ์ราชธานี กาลเมื่อสมเด็จพระนฤบดีสิริสุทโธทนะผู้พุทธบิดาได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์มหาขีณาสวเจ้าดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพานอันเป็นนิสสรณวิมุตติไปทั้งที่ยังทรงเพศเป็นคฤหัสถ์แล้ว และกาลเมื่อนางแก้วพระมหาประชาบดีเสด็จออกบรรพชาเป็นภิกษุณีในพระพุทธศาสนา โดยพระบรมพุทธานุญาตแล้ว บรรดาอำมาตย์ราชปุโรหิตาจารย์ประจำเมือง จึงประชุมปรึกษากันว่า ธรรมดาพระนครขาดกษัตริย์ ราชสมบัติก็จะตั้งมั่นอยู่มิได้ แล้วจึงเห็นพ้องต้องกันให้จัดการพระราชพิธีราชาภิเษก ยกเจ้ามหานามศากยราช ซึ่งเป็นเชฏฐโอรสแห่งสมเด็จพระอมิโตทนราชอนุชา แห่งสมเด็จพระสิริสุทโธทนะพุทธบิดาขึ้นเสวยมไหศวริยสมบัติสืบสันตติวงศ์ ดำรงพิภพกรุงกบิลพัสดุ์บุรี โดยโบราณขัตติยราชประเพณีสืบไป กลับมากล่าวถึงสมเด็จพระนางพิมพาราชเทวี ซึ่งทรงคุณวิเศษในพระพุทธศาสนาเป็นพระโสดาบันอริยบุคคล และทรงเป็นพระราชชนนี ของพระราหุลอรหันต์ วันหนึ่งพระนางเจ้าทรงจินตนาการรำพึงว่า "ธรรมดาราชสมบัติขัตติยสุขในสกลปฐพี ย่อมมีแต่จะถึงซึ่งความหวั่นไหวแปรปรวนไป มิได้เที่ยงว่าผู้ใดจะเป็นเจ้าของ ครุวนาดุจยางขมิ้นย่อมจะพลันสิ้นสีมิได้ติดอยู่นานอันราชสมบัติกรุงกบิลพัสดุ์นี้ เป็นของพระราชสวามีที่รักแห่งพิมพา ในระยะเวลาที่ยังดำรงชีวา เห็นๆอยู่ ก็ยังตกเป็นของท่านผู้อื่นได้ ด้วยว่าสมเด็จพระภัสดาแห่งพิมพานี้ มิได้ทรงมีความอาลัยเอื้อเฟื้อ ทรงสละเสียดุจก้อนเขฬะ เสด็จออกบรรพชาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พึ่งแห่งเหล่าประชาสัตว์ ทั้งทรงชักนำให้เจ้าราหุลบวรดนัยได้บรรพชาสำเร็จเป็นพระอรหันต์ทรงคุณใหญ่ เมื่อเป็นเช่นนี้ จะมีประโยชน์อะไรแก่พิมพาต่อการที่จะอยู่ในฆราวาสวิสัย ควรที่พิมพานี้จะสละสมบัติออกบรรพชาเป็นพระภิกษุณีตามเสด็จพระภัสดาแลเจ้าราหุลอรหันต์ จึงจะเป็นการดีเลิศประเสริฐนัก " ทรงจินตนาการเห็นคุณแห่งบรรพชาฉะนี้ สมเด็จพระนางเจ้าพิมพาราชเทวีจึงเสด็จบทจรลีลาไปสู่ที่เฝ้าแห่งพระราชาธิบดีกรุงกบิลพัสดุ์บุรีพระองค์ใหม่ ถวายบังคมลาสมเด็จพระเจ้ามหานามราชาธิบดี แล้วก็พานางศักยราชนารี กับทั้งอเนกสุรางคนิกรบริวารเสด็จคมนาการออกจากกรุงกบิลพัสดุ์ไปสู่เมืองสาวัตถี ครั้นถึงจึงถวายอัญชลีสมเด็จพระชินสีหสัมมาสัมพุทธเจ้าทูลขอบรรพชา ก็ทรงพระกรุณาโปรดประทานภิกษุณีอุปสมบทกรรมด้วยอัฏฐครุธรรมแปดประการ พร้อม กับนารีที่เป็นบริวารสมตามความปรารถนา กาลต่อมาปรากฏว่าสมเด็จพระนางเจ้าพิมพาภิกษุณีเธอตั้งใจเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ยังพระวิปัสสนาญาณให้วัฒนาการจำเริญขึ้นโดยลำดับ จนกระทั่งได้บรรลุพระอรหัตผลญาณ อันเป็นปฏิปัสสัทธิวิมุตติชั้นสูงสุดในพระพุทธ- ศาสนา สำเร็จเป็นพระอรหันตมหาขีณาสวเจ้า ทรงไว้ซึ่งคุณวิเศษคือ ฌานอภิญญาและพระปฏิสัมภิทาญาณ
|