พระนางนันทาเทวี

 

ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงเป็นที่พึ่งแห่งสัตวโลกทั้งหลาย ในอดีตชาติล่วงแล้วแต่หนหลัง ครั้งศาสนาพระพรหมเทวสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกเช่นนั้น กาลครั้งนั้นพระองค์ผู้ทรงเป็นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นสมเด็จพระราชาธิบดี ทรงพระนามว่าพระเจ้านันทราช ส่วนตัวพิมพาข้าพระบาทนี้ ได้เป็นอัครมเหสีแห่งพระเจ้านันทราชนั้นโดยมีนามปรากฏว่า พระนางนันทาเทวี

กาลวันหนึ่ง สมเด็จพระเจ้านันทราชบรมกษัตริย์ทรงว่างราชกิจ จึงเสด็จพระราชดำเนินไปชมสวนอุทยาน พร้อมทั้งพระอัครมเหสีแลเสนีรี้พลพหลโยธาเป็นอันมาก ครั้งนั้นพระนางนันทาเทวีอัครมเหสี ได้ทอดพระเนตรเห็นดอกรังงามตระการเป็นที่เจริญตาเจริญใจ น้ำพระทัยนางปรารถนาจะใคร่ได้ดอกรังมาเชยชม ขณะนั้นหมู่อำมาตย์ราชเสนาซึ่งตามเสด็จไปก็มีอยู่เป็นอันมาก แต่นางพระยาเจ้าจะได้มีเสาวนีย์รับสั่งใช้ผู้ใดผู้หนึ่งก็หามิได้ กลับมีพระทัยเจาะจงกราบทูลพระราชสวามีขึ้นว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐขอพระองค์จงได้ทรงพระกรุณาเถิด คือ ขอพระองค์จงเสด็จขึ้นไปสู่ต้นรัง เลือกเก็บเอาดอกรังเฉพาะที่งามๆลงมาพระราชทานให้แก่กระหม่อมฉันได้ชมเล่นในกาลบัดนี้ โดยเหตุที่สมเด็จพระราชาธิบดีทรงมีความเสน่หารักใคร่ในพระอัครมเหสีนั้นหนักหนา เมื่อได้ทรงเสาวนาการนางพระยาเจ้าใช้ให้เสด็จขึ้นไปเอาดอกรังมาด้วยพระองค์เองดังนั้น ก็มิได้รอช้า ทรงรีบป่ายปีนขึ้นไปบนต้นรังเลือกเก็บดอกเฉพาะที่งามๆได้เป็นอันมากแล้ว ก็เสด็จลงมาพระราชทานให้แก่พระอัครมเหสีตามความปรารถนา นางพระยานันทาเทวีเจ้า เมื่อได้ดอกรังที่พระราชสวามีประทานให้ก็ดีพระทัยยิ่งหนักหนา นางจึงร้อยเป็นมาลาแล้วปักที่พระเกศาและประดับประดาพระวรกาย ด้วยโสมนัสยินดีตามวิสัยสตรี

ข้าแต่พระองค์ผู้เคยทรงเป็นสวามีโทษผิดแห่งพิมพาข้าพระบาทนี้ หากจักพึงมีในชาตินั้น โดยใช้ให้เสด็จขึ้นไปนำเอาดอกรังมาประทานซึ่งเป็นการลำบากแก่พระองค์แล้วไซร้ ขอองค์สมเด็จพระจอมไตรโลกนาถ จงทรงพระกรุณาอดโทษให้แก่ข้าพระบาทชื่อว่าพิมพา ซึ่งจักขอถวายบังคมลาเข้าสู่นิพพานในวันนี้เสียเถิด พระเจ้าข้า