ปฏิหาริย์พระราหุลอรหันต์
สมเด็จพระพิมพาภิกษุณีรำลึกอดีตชาติหนหลัง เฉพาะชาติที่ตนเคยพลั้งพลาดอาจมีโทษผิด ต่อองค์สมเด็จพระพิชิตมาร ด้วยอำนาจแห่งบุพเพนิวาสานุสติญาณ แล้วนำเอามากราบทูลพระกรุณาเพื่อให้องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงอดโทษเป็นขมาปนกรรมฉะนี้แล้ว จึงผินพักตร์มาเพ่งเล็งแลดูหน้าพระราหุลผู้ยอดปิโยรส แล้วเอ่ยวจีอำลาว่า "พ่อราหุลเอ๋ย! มารดานี้จะได้มีโอกาสเห็นหน้าของพ่อก็เป็นปัจฉิมที่สุดในวันนี้ โทษานุโทษอันใด ที่มารดานี้ได้เคยกระทำการโบยตีพ่อด้วยความขึ้งโกรธ ตลอดเวลาที่ท่องเที่ยวในวัฏสงสารมานานแล้วหลายภพหลายชาติ ขอพ่อจงอดโทษนั้นให้แก่มารดา ซึ่งจะขออำลาพ่อเข้าสู่นิพพานในวันนี้เสียเถิด" องค์อรหันต์ท่านพระราหุลผู้ทรงญาณ ครั้นได้เสาวนาการวจีแห่งสมเด็จพระชนนีพิมพาเถรีเจ้า ซึ่งจะเข้าสู่นิพพานดับขันธ์ไป ก็ให้บังเกิดความสังเวชใน พระทัย จึงน้อมกายถวายนมัสการสมเด็จพระบรม ศาสดาจารย์ซึ่งทรงเป็นพระชนก แล้วกราบทูลขอพระบรมพุทธานุญาตว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระภาคพระเจ้าข้า บัดนี้ สมเด็จพระมารดาของข้าพระบาทจักเสด็จลีลาศดับขันธ์เข้าสู่พระอมตมหานฤพานแล้ว ข้าพระบาทจึงขอประทานพระบรมพุทธานุญาต จะกระทำสักการบูชาเป็นปฏิการสนองพระคุณแห่งสมเด็จพระชนนีเป็นครั้งสุดท้าย ขอองค์สมเด็จพระจอมไตรโลกนาถ จงทรงพระกรุณาประทานอนุญาตให้แก่ข้าพระบาทตามความประสงค์ด้วยเถิด พระเจ้าข้า" ครั้นสมเด็จพระบรมศาสดาจารย์ทรงประทานพระบรมพุทธานุญาตแล้ว พระผู้เป็นเจ้าราหุลองค์อรหันต์ ก็มีจิตผ่องแผ้วกล่าวแก่พระมารดาว่า "ข้าแต่สมเด็จพระชนนีที่มีคุณเป็นอันมาก! แต่ปางก่อนเมื่อเราทั้งสองยังต้องท่องเที่ยวเวียนอยู่ในกระแสสังสารวัฏ ได้เป็นแม่ลูกกันมาจะนับจะประมาณชาติก็นับไม่ถ้วนเลย พระเดชพระคุณของมารดาที่มีอยู่แก่ลูกที่ชื่อว่าราหุลนี้มากมายหนักหนา จะชั่งด้วยแผ่นพสุธาและน้ำในมหาสมุทร เขาพระสิเนรุและแผ่นฟ้าอากาศ ธรรมชาติทั้ง ๔ สิ่งนี้ เมื่อประมวลกันเข้ามาเป็นคู่ชั่งกับคุณของพระมารดา ก็เห็นว่าจะมีน้ำหนักน้อยกว่าเป็นไหนๆ โอ้พระชนนีของลูกนี้เอ๋ย กระไรเลย จะพลัดพรากจากลูกเสียลับแล้วจริงหรือไฉน พระคุณได้เคย อุ้มท้องประคองเลี้ยงรักษาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มา จนกระทั่งได้อุตส่าห์อาบน้ำป้อนข้าวเฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู สู้อดตาหลับขับตานอนเมื่อยามลูกนี้ร่ำไห้ ฉะอ้อนแล้วก็รับขวัญ ครั้นลูกพอรู้เจรจาตามประสาทารกยังมิทันรู้จักบาปบุญคุณแลโทษ เมื่อพระชนนีอุ้มประคับประคองก็คะนองมือคะนองเท้าไปตามประสามิรู้จบ บางทีก็ตบศีรษะและตีปากแห่งมารดา บางทีก็ปริภาสนาด่าว่าให้โดยวิสัยทารกน้อยไร้เดียงสา พระมารดาก็มิได้โกรธขึ้งเพราะถึงแล้วซึ่งการุญจิต หากว่าโทษผิดอันนี้ จะพึงบังเกิดมีแก่ลูกยาผู้ชื่อว่าราหุลนี้แล้วไซร้ ขอพระมารดาที่มีคุณใหญ่ไม่มีอะไรเปรียบปาน จุ่งได้มีพระทัยกรุณาโปรดปรานประทานให้ซึ่งอภัยโทษ อนึ่งโสด พระมารดากับราหุลนี้ ตั้งแต่เป็นพระชนนีและเป็นบุตรกันมา พระมารดาก็ยังมิได้ทอดทัศนาเห็นฤทธิ์เดชปาฏิหาริย์แห่งลูกยาถนัดนัยนา แม้แต่สักครั้งหนื่งคราวเดียวเลย วันนี้ลูกยาผู้ชื่อว่า ราหุล จักขอสนองพระคุณมารดา ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์เป็นอัศจรรย์ ดังนั้น ขอเชิญพระมารดาจงกรุณาทอดพระเนตร และชมฤทธิ์เดชแห่งราหุลลูกยาในกาลบัดนี้เถิด พระเจ้าข้า" พระภิกษุเจ้าชายราหุลองค์อรหันต์ผู้ทรงฌานแกล้วกล้ารุ่งเรืองด้วยอภิญญาสมาบัติกล่าวฉะนี้แล้ว ก็ผินพักตร์มาถวายนมัสการ องค์สมเด็จพระประทีปแก้วสมเด็จพระชนกธรรมราชาธิบดี แล้วก็เหาะขึ้นไปบนนภากาศ กระทำปาฏิหาริย์ท่ามกลางสงฆ์สองฝ่าย คือ พระภิกษุสงฆ์และพระภิกษุณีสงฆ์ ซึ่งมีองค์สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์เป็นประธาน ให้ได้ทอดทัศนาการเห็นเป็นอัศจรรย์ โดยอธิษฐานองค์จำแลงแปลงกายเป็นท้าวมหาพรหมที่มีรูปกายใหญ่ล้ำมหึมา ทรงรัศมีรุ่งเรืองประภัสสรเลื่อมพรรณรายสุดพรรณนา พระหัตถ์เบื้องซ้ายนั้นจับเอาดวงพระสุริยา พระหัตถ์เบื้องขวาคว้าเอาดวงนิสากร เอารูปพญาเขาอันบวรนามว่าสิเนรุราชมาทำเป็นคันฉัตร เอารูปฉกามาพจรสวรรค์มาทำเป็นช่อชั้นเบื้องบนคันฉัตร เด็ดเอาดวงนักขัตฤกษ์ทั้งหลายมา กระทำเป็นข้าวตอกโปรยปราย แล้วน้อมเอาสมบัติในสัตตบริภัณฑ์คีรีทั้ง ๗ แต่ล้วนแล้วไปด้วยแก้วและทอง มาประกับเข้าเป็นสายสร้อยสังวาลย์ประดับวรกาย แล้วเหยียดยื่นเท้าลงไปหนีบคีบเอามัจฉาทั้ง ๗ ในท้องมหาสมุทร แต่ละตัวใหญ่ยาวได้หลายร้อยโยชน์ สำแดงฤทธิ์ให้ปรากฏเห็นเป็นอัศจรรย์ฉะนี้ แล้วก็ร้องทูลพระชนนีพิมพามาแต่เบื้องบนนภากาศว่า "ข้าแต่พระชนนีของลูกยา ! ขอเชิญพระมารดาจงชมปาฏิหาริย์ให้ถนัดนัยนา ข้าแต่พระมารดาบังเกิดเกล้า ! ขอเชิญพระแม่เจ้าจงชมเชยฤทธาศักดาเดช คุณวิเศษ อันลูกยาผู้ชื่อว่าราหุลกระทำเพื่อสนองคุณพระมารดา ในกาลบัดนี้เถิดพระเจ้าข้า " พระภิกษุณีพิมพาเถรี ซึ่งจะถึงแก่ชีพิตักษัยล่วงลับดับขันธ์เข้าสู่นิพพานไป ครั้นได้ทอดทัศนาการเห็นปาฏิหาริย์เป็นมหัศจรรย์ดั่งนั้น พระนางก็ประณมหัตถ์ทั้งสองขึ้นซ้องสาธุการ ชมเชยพระฤทธิ์พระเดชของพระลูกยาอยู่ไม่ขาดปาก พอควรแก่กาลแล้วก็เชิญให้เสด็จลงมาจากนภากาศ รูปเนรมิตปาฏิหาริย์นั้นก็อันตรธานหายกลายเป็นพระภิกษุหนุ่มราหุลองค์อรหันต์ดั่งเก่า แล้วพระนางเจ้าก็กล่าวสรรเสริญคุณพระราหุลปิโยรส ให้ปรากฏแก่หมู่ภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์อีกเป็นอันมาก ในที่สุดพระนางก็รำลึกถึงอดีตชาติหนหลัง ครั้งเจ้าราหุลอรหันต์อุบัติเกิดเป็นสุวรรณทีปกุมาร ด้วยอำนาจแห่งบุพเพนิวาสานุสติญาณ แล้วนำเอามาพรรณนาในท่ามกลางบริษัทสองฝ่าย ซึ่งมีสมเด็จพระจอมไตรโลกนาถเจ้าเป็นประธาน เพื่อสรรเสริญคุณของพระราหุลอรหันต์ซ้ำอีก ว่าดังนี้
|