วิมลาเทวี

 

ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงเป็นที่พึ่งแห่งสัตวโลกทั้งหลาย ในอดีตชาติล่วงแล้วแต่หนหลัง ครั้งศาสนาพระสุมนพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระองค์ผู้ทรงเป็นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นนาคาธิบดี มีนามว่าพญาอดุลนาคราช ฝ่ายว่าพิมพาข้าพระบาทนี้ได้เกิดเป็นมเหสีสุดที่รักของพญานาคาธิบดี มีนามว่า วิมลาเทวี เสวยนาคสมบัติเป็นสุขอยู่ในนาคพิภพเป็นเวลาช้านาน

กาลวันหนึ่ง สมเด็จพระมิ่งมงกุฎสุมนสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระมหากรุณาแสดงพระสัทธรรมเทศนากึกก้องกังวานแผ่ไปไกล ได้ยินตลอดไปจนถึงนาคพิภพ พญาอดุลนาคราชผู้เป็นใหญ่ในภพแห่งนาค ได้สดับพระสุรเสียงแสดงธรรมแห่งองค์พระสุมนสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงเลื่อมใสศรัทธายินดี จึงชวนเจ้าวิมลาเทวีพร้อมด้วยนาคบริวารทั้งหลาย ถือเอาข้าวตอกดอกไม้ทิพย์ รีบด่วนจรจากนาคพิภพชำแรกปฐพีขึ้นมายังมนุษยโลก เข้าไปสู่สำนักสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ถวายนมัสการแล้วกระทำสักการบูชาด้วยข้าวตอกดอกไม้ และสรรพาภรณ์อันเป็นทิพย์ทั้งหลาย พร้อมทั้งตั้งใจที่จะสมาทานเบญจศีลไปจนตราบเท่าชั่วอายุขัย

สมเด็จพระจอมไตรโลกนาถสุมนบรมศาสดา ทรงอาวัชนาการด้วยพระสัพพัญญุตญาณอันวิเศษแล้ว ก็ทรงมีพระพุทธฎีกาพยากรณ์ ว่า พระอดุลนาคราชนี้ จักได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาลเป็นเที่ยงแท้ แต่พอได้สดับพระพุทธฎีกาว่าดั่งนี้ พระอดุลนาคาธิบดีก็มีพระทัยโสมนัสยินดีถึงกับน้ำพระเนตรหลั่งไหลไม่ขาดสาย ถวายอภิวันทนาการสมเด็จพระบรมศาสดาจารย์อยู่หนักหนาหลายครั้งหลายครา ฝ่ายว่าเจ้าวิมลาเทวีอัครมเหสี ก็เกิดปีติยินดีในพระพุทธฎีกา ถึงกับคายพิษแห่งนางนาคาออกมาจนหมดสิ้น แล้วก็กรายกรฟ้อนรำเพื่อกระทำสักการบูชาองค์สมเด็จพระบรมศาสดาตามวิสัยแห่งนาคี ในขณะที่กรายกรฟ้อนรำถวายสมเด็จพระจอมไตรโลกนาถสุมนสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่นั้น บังเอิญนิ้วพระหัตถ์ของพระนางกรายไปต้อง พระเศียรเกล้าแห่งพญาอดุลนาคราชเจ้าผู้เป็นพระสวามีเข้าหน่อยหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ พระนางจะได้มีเจตนาร้ายอันใดก็หามิได้

ข้าแต่พระองค์ผู้เคยทรงเป็นสวามี! โทษผิดแห่งพิมพาข้าพระบาทนี้ หากจักพึงมีในชาตินั้น โดยมีความประมาทพลาดพลั้งในขณะฟ้อนรำตามครรลอง กรายกรไปต้องพระเศียรเกล้าแล้วไซร้ ขอองค์สมเด็จพระจอมไตรโลกนาถ จงทรงพระกรุณาอดโทษให้แก่ข้าพระบาท ชื่อว่าพิมพา ซึ่งจักขอถวายบังคมลาเข้าสู่นิพพานในวันนี้เสียเถิด พระเจ้าข้า