มกฏนารี
ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงเป็นที่พึ่งแห่งสัตวโลกทั้งหลาย ในอดีตชาติล่วงแล้วแต่หนหลัง ครั้งศาสนาพระตัณหังกรสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระองค์ผู้ทรงเป็นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญาวานร อาศัยอยู่ในป่าใหญ่แห่งหนึ่ง ฝ่ายว่าพิมพาข้าพระบาทนี้ก็เกิดเป็นมกฏนารี และได้สมัครสังวาสเป็นสามีภรรยากันกับพญาวานรนั้น กาลวันหนึ่ง นางพญาวานรซึ่งเป็นภรรยาอยากจะ บริโภคผลมะเดื่อสุกยิ่งหนักหนา พญาวานรรู้อัธยาศัยแห่งภรรยาในขณะนั้น ด้วยความผูกพันรักใคร่เสน่หาในภรรยาเป็นอันมาก ก็อุตสาหะไปเที่ยวเสาะแสวงหาผลมะเดื่อสุก เพื่อจะนำเอามาให้ภรรยาเคี้ยวกินให้สมอยาก ในที่สุด ได้ไปพบต้นมะเดื่อต้นหนึ่ง ซึ่งทรงผลงามสุกอร่ามสมความปรารถนา พญาวานรก็ดีเนื้อดีใจ โลดโผนปีนป่ายขึ้นไปบนต้นมะเดื่อทันที ครั้งนั้น ยังมีเสือโคร่งตัวหนึ่งเห็นพญาวานรซึ่งอยู่บนต้นมะเดื่อนั้น ก็รีบหมอบแอบอยู่ที่สุมทุมพุ่มป่าชัฏ เพ่งมองมุ่งหมายเขม้นตาปรารถนาจะกินเนื้อพญาวานรเป็นอาหาร ครั้นพญาวานรเลือกเก็บลูกมะเดื่อสุกได้ตามความต้องการแล้ว ก็ค่อยขยับกายลงมา จะได้รู้ว่าเสือร้ายหมอบมองเขม้นหมายอยู่ก็หามิได้ เมื่อไต่ลงมาเกือบใกล้จะถึงปฐพี เสือร้ายซึ่งคอยทีอยู่เห็นเป็นโอกาสแล้ว ก็กระโดดโลดโผนขึ้นไปจับเอาพญาวานรนั้นตะปบให้ถึงตาย ถลกหนังปกศีรษะแล้วก็ดูดดื่มซึ่งโลหิต และบริโภคซึ่งเนื้อเป็นอาหารจนอิ่มหนำสำราญแล้วก็จากไป ฝ่ายนางพญาวานรที่เป็นภรรยาอยู่ข้างหลัง จะได้รู้ว่าพญาวานร ผู้เป็นสามีเกิดอันตรายถึงกับเสียชีวิตไปแล้วก็หามิได้ จึงเฝ้าแต่คอยหายๆด้วยความห่วงใย ตกถึงสายัณหสมัยตะวันเย็นลงรอนๆ นางพญาวานรตั้งใจคอยสามีมิได้เห็นกลับมา ก็ให้สังหรณ์ใจว่าจะเกิดอันตราย จึงร้องไห้รำพันหาสามีไปทุกแห่งหนตำบล เที่ยวค้นเที่ยวเสาะหาอยู่จนสิ้นยามราตรี แต่จะได้พบเห็นหน้าสามีสุดที่รักก็หามิได้ เห็นฝูงเนื้อฝูงนกที่สัญจรไปมาในป่าใหญ่ก็ร้องไห้รำพันถามหาถึงสามีแห่งตน แต่ก็ได้รับคำบอกเล่าว่ามิได้รู้มิได้เห็นทุกรายไป เจ้าก็ให้ระทมทุกข์ปานประหนึ่งว่าจะขาดใจตาย ร้องกรีดกริ่งตะโกนก้องตระเวนหาด้วยคำรำพันว่า "โอ้พญาวานรผู้เป็นสามีของน้องนี่เอ๋ย! ช่างกระไรเลยมาลับกายหายหน้าไปเสียเฉยๆ ไปอยู่ในสถานที่ใด ได้สุขทุกข์ภัยประการใด ไฉนจึงไม่ขานตอบน้องเสียเลยแต่สักทีเล่า" เจ้าเฝ้ารำพันเดินร้องไห้ไปในอรัญมิได้หยุดยั้ง จนเหนื่อยอ่อนสิ้นกําลังล้มพับลงไปกับพื้นปฐพี แต่จะได้พบเห็นพญาวานรสามี หรือจะได้ยินเสียงร้องรับกู่ขานนั้นก็หามิได้ ในที่สุดนางจึงมาหวนจิตคิดระแวงแล้วรำพันว่า "โอ้ พญาวานรผู้เป็นสามีของน้องนี่เอ๋ย! กระไรเลยช่างมาตัดอาลัยทิ้งน้องไปได้ ชะรอยจะไปพานพบคบหากับด้วยนางวานรอื่นๆเป็นที่ชอบเนื้อเจริญใจ แล้วก็พากันไปสู่ที่สำราญสบายแล้ว ปล่อยให้น้องแก้วเฝ้าคอยหา ประกอบด้วยทุกขเวทนาชอกช้ำระกำใจปานฉะนี้ " มกฏนารีเจ้าร้องไห้ร่ำไรคร่ำครวญไปมา นัยนาทั้งสองนองด้วยน้ำตา กอบด้วยโศกาลัยสะอื้นไห้ปริเวทนาการอยู่จนขาดใจตายไป ณ สถานที่กลางอรัญนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เคยทรงเป็นสวามีโทษผิดแห่งพิมพาข้าพระบาทนี้ หากจักพึงมีในชาตินั้น โดยเหตุทำให้พระองค์ต้องถึงแก่ความตายเพราะเสือร้าย แล้วมิได้รู้แจ้งความจริง กลับเกิดวิหิงสาคิดระแวงไปตามประสาสตรีแล้วไซร้ ขอองค์สมเด็จพระจอมไตรโลกนาถจงทรงพระกรุณาอดโทษให้แก่ข้าพระบาทชื่อว่าพิมพา ซึ่งจักขอถวายบังคมลาเข้าสู่นิพพานในวันนี้เสียเถิด พระเจ้าข้า
|