นางพญาปลาดุก
ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงเป็นที่พึ่งแห่งสัตวโลกทั้งหลาย ในอดีตชาติล่วงแล้วแต่หนหลัง ครั้งศาสนาสมเด็จพระสุมนสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระองค์ผู้ทรงเป็นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญาปลาดุก ฝ่ายตัวพิมพาข้าพระบาทนี้เกิดเป็นปลาดุกตัวเมีย ได้สมัครรักใคร่ผูกพันเป็นสามีภรรยากัน อาศัยอยู่ในท้องนทีแห่งหนึ่งเป็นสุขอยู่ตามประสาสัตว์เดียรฉาน กาลวันหนึ่ง เป็นเทศกาลวสันตฤดู เมื่อฝนตกใหญ่ท้องนทีเอ่อนองท่วมท้นไปด้วยอุทกวารี นางพญาปลาดุกก็ถึงคราวมีครรภ์ ให้มีอันเป็นอยากจะกินซึ่งหญ้าอ่อนเขียวขจีเพิ่งระบัดใหม่ๆ พญาปลาดุกผู้เป็นสามีรู้อัธยาศัย ด้วยความรักใคร่ในภรรยา ก็อุตส่าห์ไปเที่ยว แสวงหาพยายามแหวกว่ายอุทกวารีไปในที่ต่างๆเพื่อจะนำเอาหญ้าอ่อนมาให้นางพญาปลาดุกที่ทรงครรภ์ดั้นด้นมาจนถึงแดนมนุษย์ พวกเด็กโคบาลทั้งหลายเห็นปลาดุกตัวใหญ่ก็ดีใจใคร่จะได้เป็นอาหาร จึงชวนกันไล่ตีด้วยไม้ปะฏัก ตีถูกหางพญาปลาดุกนั้นจนขาดเป็นบาดแผลโลหิตไหลได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัส ถึงกระนั้น ก็สู้อดกลั้นคาบหญ้าอ่อน รีบแหวกว่ายอุทกวารีหนีมาส่งให้ภรรยาจนได้ นางพญาปลาดุกกินหญ้าอ่อนสมความปรารถนาก็ดีเนื้อดีใจ ส่วนพญาปลาดุกเมื่อส่งหญ้า อ่อนให้แก่ภรรยา แล้วก็เฝ้าแลดูหน้านางปลาด้วยนัยนาที่เศร้าโศกา เต็มไปด้วยทุกขเวทนาเจ็บปวดเพราะบาดแผลที่หางนั้นเป็นที่ยิ่ง เมื่อเห็นนางปลากินหญ้าอ่อนเสร็จสิ้นสมปรารถนาแล้ว จึงหันหางไปไว้ตรงหน้านางปลา ประดุจดังจะชี้ให้ภรรยาดูบาดแผลที่หางแล้วก็ถึงแก่วิสัญญีภาพ นางพญาปลาดุกเห็นสามีต้องอันตราย โลหิตไหลออกมาจากหางมิได้ขาดสาย จนถึงแก่วิสัญญีภาพไปเพราะตนเป็นเหตุเช่นนั้น ก็พลันบังเกิดความเสียใจ ร่ำไห้รำพันอยู่ด้วยความสงสารสามีนั้นยิ่งนักหนา ข้าแต่พระองค์ผู้เคยทรงเป็นสวามีโทษผิดแห่งพิมพาข้าพระบาทนี้ หากจักพึงมีในชาตินั้น โดยทำความลำบากยากเย็นเป็นสาหัสให้เกิดขึ้นกับพระองค์ เพียงประสงค์จะได้กินซึ่งหญ้าอ่อนระบัดใบ ในขณะทรงครรภ์แล้วไซร้ ขอองค์สมเด็จพระจอมไตรโลกนาถจงทรงพระกรุณาอดโทษให้แก่ข้าพระบาทชื่อว่าพิมพา ซึ่งจักขอถวายบังคมลาเข้าสู่นิพพานในวันนี้เสียเถิด พระเจ้าข้า
|